เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2562 มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดโครงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประเพณี มข.- มอ.-มช. “3 พลังเพื่อแผ่นดิน” ครั้งที่ 5 โดยมี ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานในพิธี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวเปิดงาน พร้อมด้วย รศ.เพียรศักดิ์ ภักดี รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษาและวิทยาเขตหนองคาย ปฏิบัติราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น ศาสตราจารย์คลินิก นายแพทย์ นิเวศน์ นันทจิต อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในการนี้มีคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย คณาจารย์ บุคลากรจากทั้ง 3 มหาวิทยาลัย ร่วมพิธีกว่า 508 คน ณ ห้องประชุมดวงชนก ดวงจิตต์ รีสอร์ท อ.ป่าตอง จ.ภูเก็ต
โครงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประเพณี มข.- มอ.-มช. “3 พลังเพื่อแผ่นดิน” ครั้งที่ 5 มีวัตถุประสงค์เพื่อ เปิดโอกาสให้ ผู้บริหารระหว่างมหาวิทยาลัย ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ แนวปฏิบัติที่ดี พร้อมการพัฒนาความร่วมมือระดับคณะ/หน่วยงานให้เกิดเป็นรูปธรรม ส่งเสริมความร่วมมือการพัฒนามหาวิทยาลัยตามยุทธศาสตร์ เพื่อการพัฒนาตามบริบทได้อย่างเหมาะสมแบบก้าวกระโดด และ กระชับความสัมพันธ์ สร้างมิตรภาพความร่วมมือให้เกิดเป็นรูปธรรม อย่างยั่งยืน
ผศ.ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า ในครั้งนี้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดโครงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประเพณี มข.- มอ.-มช. “3 พลังเพื่อแผ่นดิน”ประจำปี 2562 ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 5 ซึ่งได้รับการสนับสนุน ความร่วมมือ จากแต่ละมหาวิทยาลัยเป็นอย่างดี ในครั้งนี้ได้จัดพิธีเปิดเป็นการรดน้ำต้นกล้า 3 สถาบัน โดยหวังว่าต้นกล้าเหล่านี้จะเติบโต พร้อมกับแนวคิดที่สร้างสรรค์ มีคุณภาพต่อไป
วันนี้ได้รับเกียรติจาก ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง การอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมการปาฐกถาพิเศษหัวข้อ การบริหารมหาวิทยาลัยภายใต้กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม นอกจากนี้ ยังมีการแบ่งกลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้ตามความเชี่ยวชาญ และ สนใจ ทั้งหมด 7 หัวข้อ ประกอบด้วย กลุ่มที่ 1 ด้านการเรียนการสอน Lifelong Learning (Credit Bank) กลุ่มที่ 2 ด้านการวิจัย การปรับระบบการวิจัยของมหาวิทยาลัย เพื่อรองรับการจัดสรรทุนวิจัยของต่างประเทศ กลุ่มที่ 3 ด้านการบริการวิชาการ การบริการวิชาการที่มีผลกระทบสูง การสร้างผลงานจากการบริการฯ เพื่อขอตำแหน่งทางวิชาการ กลุ่มที่ 4 ด้านการบริหารจัดการ Digital University (Smart Office, Digital transformation, Big data ) กลุ่มที่ 5 ด้านทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม Cultural Economy เศรษฐศาสตร์เชิงวัฒนธรรม กลุ่มที่ 6 ด้านการพัฒนานักศึกษา Smart Student กลุ่มที่ 7 University startup Eco System ซึ่งเชื่อว่าการร่วมโครงการครั้งนี้ทุกท่านจะ ประทับใจในการต้อนรับอย่างอบอุ่น และ ยังได้รับแรงบันดาลใจ พร้อมนำแนวคิดสำคัญจากการปาฐกถาพิเศษ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันไปสานต่อ ในระดับคณะหน่วยงาน เจ้าหน้าที่ นักศึกษา อย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน เพื่อพัฒนามหาวิทยาลัย และส่งผลต่อความเข้มแข็งของการพัฒนาประเทศไทยร่วมกัน
ภายหลังพิธีเปิด เป็นการปาฐกถาพิเศษ พิธีลงนามความร่วมมือ 3 สถาบัน และ การบอกเล่าเรื่องราวของสถาบันต่อที่ประชุม โดยมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้รับเกียรติจาก รศ.เพียรศักดิ์ ภักดี รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษาและวิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล รองอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและวิสาหกิจ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวถึงทิศทางในการพัฒนามหาวิทยาลัย
รศ.เพียรศักดิ์ ภักดี รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษาและวิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
รศ.เพียรศักดิ์ ภักดี รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษาและวิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีแผนยุทธศาสตร์การบริหารใน 4 ปีข้างหน้า ระหว่าง พ.ศ. 2563 – 2566 โดยสภามหาวิทยาลัยได้กำหนดเป้าหมาย นโยบายและพันธกิจที่สำคัญ 3 ด้าน คือ ด้านประชาคม หรือ ผู้มีส่วนได้เสียของมหาวิทยาลัย (People) ด้านระบบนิเวศของมหาวิทยาลัย (Ecological) และ ด้านจิตวิญญาณแห่งความเป็นมหาวิทยาลัยขอนแก่น (Spiritual)
“เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย นโยบายและพันธกิจดังกล่าว มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ (Transformation) ทั้งด้านการจัดการศึกษาการวิจัยการบริการวิชาการการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล และด้านการบริหารจัดการองค์กร เช่น 1. ด้านประชาคม (People) ได้ปรับเปลี่ยนด้านการศึกษา เพื่อประชาชนทุกอายุ ปรับเปลี่ยน ระบวนทัศน์ที่เน้นการสอนเป็นเน้นการเรียนรู้ (Teaching paradigm to Learning paradigm) ปรับเปลี่ยนการทำงานวิจัย โดยปรับเปลี่ยนจากการทำวิจัยตามความสนใจของนักวิจัย เป็นการทำวิจัยตามความต้องการขอผู้ใช้งานหรือตามปัญหาของประเทศ 2. ด้านระบบนิเวศของมหาวิทยาลัย (Ecological) มีการปรับเปลี่ยน สร้างมหาวิทยาลัยขอนแก่นให้เป็นที่น่าทำงาน โดยการสร้างเครื่องมือและสิ่งอำนวยความสะดวกในที่ทำงานให้ครบถ้วน พัฒนาสภาพแวดล้อมให้ถูกหลักอาชีวอนามัย เพื่อให้มหาวิทยาลัยเป็นที่ทำงานที่สนุกและท้าทาย ทำให้คณาจารย์และบุคลากรอยากทำงานด้วยมากที่สุด 3. ด้านจิตวิญญาณความเป็นมหาวิทยาลัยขอนแก่น (Spiritual) มุ่งเน้นการแสวงหาการสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนา โดยการจัดทำโครงการที่เป็นเรือธงในการพัฒนา สร้างประโยชน์ร่วมกันทั้งด้านการจัดการศึกษา การวิจัย และการบริการวิชาการ และเป็นสถานที่ฝึกงานของนักศึกษาแต่ละคณะ เช่น โครงการศูนย์กลางบริการทางการแพทย์(Medical hub) เป็นโครงการหลักสำหรับคณะในกลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพ 2) โครงการฟาร์มอัจฉริยะ (Smart farming) เป็นโครงการหลักสำหรับกลุ่มวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โครงการเพื่อศิลปวัฒนธรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative economy) และสร้างความสัมพันธ์กับชุมชน สำหรับคณะในกลุ่มสังคมศาสตร์” รศ.เพียรศักดิ์ กล่าว
ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล รองอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและวิสาหกิจ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล รองอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและวิสาหกิจ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า สืบเนื่องจากนโยบายด้านการพัฒนานวัตกรรม มหาวิทยาลัยขอนแก่น จึงได้แยก ฝ่ายนวัตกรรมและวิสาหกิจออกมาจากฝ่ายวิจัย ซึ่งมีภารกิจในการทำวิจัยเพื่อพัฒนานวัตกรรม ไปสู่เชิงพาณิชย์ รวมไปถึงการสร้าง นักศึกษาให้เป็น startup ซึ่งตลอดระยะเวลา 8 เดือนที่ผ่านมา เราพยายามสร้างระบบนิเวศน์ใหม่ๆ แก่นักศึกษาเพื่อให้พวกเขาเกิดความตระหนัก ในการเป็นผู้ประกอบการ เช่น การตั้ง maker Space ที่ห้องสมุด และมีอุปกรณ์สนับสนุนต่างๆเช่น 3D Printer ช่วยให้นักศึกษาสามารถขึ้นรูปผลิตภัณฑ์ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งได้รับการตอบรับค่อนข้างดี ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมามีแบบจำลองที่สร้างจาก maker space ประมาณ 7-8 ร้อยชิ้นงาน
“นอกจากนี้ฝ่ายนวัตกรรมและวิสาหกิจยังจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ เช่น โครงการวางแผนการพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์และการดำเนินธุรกิจ (IP Demo Day 2019) โดยให้นักศึกษาในรายวิชาคณะต่างๆ รวมกลุ่ม เพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์ และวางแผนการตลาดผลิตภัณฑ์ที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญาของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง และยังมีการเปิดรายวิชาที่เป็นโมดูล ชื่อวิชา innovative entrepreneur เป็นวิชาศึกษาทั่วไป นักศึกษาต้อง pitching เข้ามา โดยการนำเสนอความคิดว่าตนเองต้องการที่จะทำอะไร เมื่อเข้ามาศึกษาแล้วการเรียนการสอนจะเป็นโมดูล สอนโดยอาจารย์ในมหาวิทยาลัยเอง รวมไปถึงมีผู้มีประสบการณ์ startup หรือผู้ที่ประสบความสำเร็จด้านนั้นๆมาแลกเปลี่ยนความรู้ ในการทำธุรกิจ และมีทุนให้ทำ Prototype เพื่อที่จะนำไปต่อยอด ดังนั้นเมื่อเรียนจบเทอม เราก็จะได้ startup หรือบริษัทจากนักศึกษาเกิดขึ้น” ศ.ดร.ศุภชัย กล่าว
รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ชาญชัย พานทองวิริยะกุล รักษาการ อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น
ทั้งนี้โครงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประเพณี มข.- มอ.-มช.”3 พลังเพื่อแผ่นดิน”ครั้งที่ 5 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-6 ตุลาคม 2562 โดยครั้งแรกมี มหาวิทยา ลัยเชียงใหม่ เป็นเจ้าภาพ โดยตลอดระยะที่ผ่านมา ทั้งสามมหาวิทยาลัยได้ร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจกัน จัดกิจกรรมเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง จนได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลให้เป็นสถาบันในการศึกษาหลักของภูมิภาค และพัฒนาประเทศผ่านนโยบายต่างๆ ที่รัฐบาลกำหนด นอกเหนือจากภารกิจหลักของทั้งสามมหาวิทยาลัยดำเนินการอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นโยบาย Thailand 4.0 ซึ่งเป็นการพัฒนาประเทศด้วยงานวิจัยและนวัตกรรม รวมถึงการผลิตบัณฑิต และพัฒนาทรัพยากรบุคคลที่มีทักษะ ความรู้ความสามารถ และความเชี่ยวชาญในแขนงวิชาชีพ เพื่อรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชน หมู่บ้าน และภูมิภาคให้เกิดความเข้มแข็ง และนำไปสู่การพัฒนาประเทศต่อไป
ภาพ/ข่าว นาย ชุมพร พารา